การจัดอันดับโลกทีมชาย ชุดใหญ่ 2 รัสเซีย

ดิมิทรี มูเซอร์สกี้ และทีมรัสเซีย ช่วยกันพลิกสถานการณ์ให้ทีมกลับมาเอาชนะ บราซิล คว้าแชมป์ โอลิมปิก ได้อย่างสุดยอด ทั้งที่เป็นฝ่ายตามหลังไปก่อน 2 เซต ในศึก วอลเลย์บอลชาย โอลิมปิก ที่ ลอนดอน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา

มูเซอร์สกี้ ทำได้ 31 แต้ม และ รัสเซีย ก็คว้าเหรียญทอง วอลเลย์บอลชาย เป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี หลังจากที่ต้องสู้กับทีม บราซิล รองแชมป์เก่าถึง 5 เซต

บราซิล มีโอกาสถึง 2 ครั้งที่จะคว้า แมตช์พอยนต์ ในเซตที่ 3 แต่ทว่า รัสเซีย ก็สามารถเก็บเซตดังกล่าวได้ก่อนที่จะมาเอาชนะไป 3-2 เซตด้วยสกอร์ 19-25, 20-25, 29-27, 25-22, 15-9

”กับ บราซิล แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เซตแรก พวกเขาเอาชนะตั้งแต่แต้มแรก และจากตรงนั้นพวกเขาพยายามใช้จิตวิทยากดดันเราเรา และเล่นด้วยเกมที่เร็ว” มูเซอร์สกี้ ผู้เล่นในตำแหน่งบล็อกกลางเจ้าของความสูง 7 ฟุต 2 นิ้ว ที่แทบจะเทียบเคียงกับเหล่าผู้เล่น เอ็นบีเอ กล่าว ”แต่หลังจากในเซตที่ 2 หรือ 3 เกมการแข่งขันมันก็ออกมาสูสี และใกล้เคียง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเรากลับมารักษาสมดุลของเกมเอาไว้ได้ และทำให้หลายคนมีความหวัง ซึ่งเราก็ทำได้”

นี่เป็นเหรียญทองที่ 4 สำหรับทีม รัสเซีย ในโอลิมปิก ซึ่งเหนือกว่าทุกชาติ แต่หนสุดท้ายของความยิ่งใหญ่ของ รัสเซีย ในการขึ้นมายืนบนโพเดียมมันต้องย้อนกลับไปเมื่อการแข่งขันที่ มอสโก ซึ่งในตอนนั้นพวกเขายังคงเป็นทีมสหภาพโซเวียต เมื่อปี 1980

เกมในช่วงท้ายของเซตที่ 5 รัสเซีย นึกว่าพวกเขาจะได้ฉลองชัยชนะจากจังหวะขึ้นตบของ มูเซอร์สกี้ แต่ทว่าผู้ตัดสินกลับชูให้ บราซิล ได้แต้ม ซึ่งหลังจากนั้น มูเซอร์สกี้ กลับมาขึ้นตบช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะไปในท้ายที่สุด

บราซิล ซึ่งเป็นทีมอันดับ 1 ของโลก พยายามที่จะกวาดความสำเร็จในการเป็นเจ้าแห่งวอลเลย์บอลในร่ม หลังจากที่ทีมหญิงของบราซิล เอาชนะคู่ปรับตลอดกาล สหรัฐอเมริกา มาได้ในการชิงเหรียญทองของทีม หญิง ในสนามเดียวกันนี้เมื่อวันเสาร์ที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา

แต่ทว่า รัสเซีย ซึ่งเป็นทีมอันดับ 2 ของโลก หลังจากเสียศูนย์ไปในเซตแรกกลับมาสู่เกมของตัวเองได้ และหลังจากพวกเขาเอาชนะในเซตที่ 3 จากการดิวซ์อันสุดมันช่วยให้พวกเขายังไม่แพ้ และกลับมาเก็บเซตที่ 4 ก่อนที่จะมาขึ้นนำ 8-4 ในเซตที่ 5 จากการขึ้นตบของ มักซิม มิคฮายลอฟ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้เหล่าบรรดาสาวกของทีมหมีขาวเริ่มฉลองกันอย่างครึกครื้น

วัลเลซ เด ซูซ่า ทำไป 27 แต้มให้กับ บราซิล ซึ่งพวกเขาเองก็คว้าเหรียญเงินได้ใน โอลิมปิก เกมส์ เมื่อปี 2008 ที่ ปักกิ่ง

”มันเป็นเรื่องยากที่จะบอก” เด ซูซ่า กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ”คุณซ้อมกันอย่างหนักในทุกวัน คุณไม่อาจจะเชื่ออะไรแบบนี้ว่ามันจะเกิดขึ้นได้ ตอนที่เราขึ้นนำ 2-0 และเมื่อเราเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดัน เรามาที่นี่เพื่อคว้าเหรียญทอง ไม่ใช่เพื่อมาคว้าเหรียญเงิน”

บราซิล ขึ้นนำไปก่อน 18-12 จากการเสิร์ฟของ ลูคัส ซาตแคมป์ และได้เซตแรกจากการขึ้นตบของ ซูซ่า

ลูคัส ก็มาช่วยบล็อกให้ บราซิล นำ 19-15 ในเซตที่ 2 และแฟนๆของ บราซิล ก็เริ่มไชโยโห่ร้อง หลังจากที่ ดันเต้ อมารัล ตบให้ทีมขึ้นนำ 21-17 ก่อนที่จะ ซิดเน ดอส ซานโต๊ส จะชูแขนให้กับแฟนๆ และ อมารัล ก็มาช่วยให้ บราซิล ออกนำไปก่อน 2-0 เซต

แต่ทว่า รัสเซีย พยายามกัดฟันสู้อย่างเต็มที่ในเซตที่ 3 ก่อนที่จะเป็น บราซิล ที่ได้รับโอกาสเก็บแมตช์พอยนต์ก่อนถึง 2 หน แต่ทว่า รัสเซีย ก็อาศัยบล็อกของ อเล็กซานเดอร์ โวลคอฟ ที่ช่วยให้ ทีมหมีขาวไม่แพ้ และเก็บเซตที่ 3 ไปด้วยสกอร์ 29-27

เซตที่ 4 รัสเซีย กลับมาคึกคัก และมีกำลังใจมากขึ้น หลังเก็บเซตที่ 3 มาได้ และขึ้นนำไปก่อน 22-15 จากการขึ้นตบของ มิคฮายลอฟ ก่อนที่จะเป็น มูรีโญ่ อันเดรส ที่เสิร์ฟออกหลังไปทำให้ รัสเซีย เก็บเซตที่ 4 ด้วยคะแนน 25-22 จนต้องทำให้เกมนี้ต้องไปตัดสินกันในเซตที่ 5

บราซิล เอาชนะ รัสเซีย มาก่อนจากในรอบแรก ก่อนที่ทั้ง 2 ทีมจะโคจรมาพบกันอีกครั้งในเกมนัดชิงชนะเลิศ

เบร์นาร์โด้ เรเซนเด้ โค้ชของ บราซิล พยายามส่ง กิลแบร์โต้ โกดอย ฟีโญ่ หรือ กีบ้า กัปตันทีมวัย 35 ปีลงสนามในช่วง 3 เซตสุดท้าย แต่ทว่าตั้งแต่เริ่มต้น ลอนดอนเกมส์ เขาแทบจะไม่ค่อยได้รับโอกาสจาก เรเซนเด้ เลย เพราะเขาหันไปใช้บริการเหล่าผู้เล่นดาวรุ่งเสียเป็นส่วนใหญ่

ลอนดอนเกมส์ คงจะเป็นการอำลา 16 ปีของเขากับทีมชาติ

”ผมคงต้องจบชีวิตการเล่นของผมด้วยเหรียญเงิน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิดเลย” เขากล่าว

สำหรับ วลาดิเมียร์ อเลนโก้ โค้ชของ รัสเซีย ยอมรับว่าเขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น

”มันช่างเหมือนฝันที่เป็นจริง พวกเขา (บราซิล) คงไม่คิดเหมือนกันว่า ว่ามันจะเหมือนกับเมื่อ 4 ปีก่อน”

เซอร์เก เทตยุคกิน ตัวตบหัวเสา ออกมาสดุดีเพื่อนร่วมทีมถึงชัยชนะในเกมนี้

”มันยากที่จะอธิบายออกเป็นคำพูดได้ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายอารมณ์ในตัวผม และมันก็เป็นนัดที่หนักสำหรับเราด้วย ผมคิดว่าพวกเขาเองก็คงจะไม่เชื่อว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาแสดงออกกันได้ดี และมันก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างมาก ผมคิดว่ามันแสดงให้เห็นถึงตัวตนของเรา”

เรเซนเต้ ยังกล่าวถึงในอีก 4 ปีข้างหน้าซึ่ง บราซิล จะเป็นเจ้าภาพ โอลิมปิก ด้วยว่า ”พวกเราจะกลับบ้านด้วยความรู้สึกข่มขื่น แต่ผมก็ยังคงรู้สึกภูมิใจในตัวของพวกเขา เราจะกลับมาอีกครั้งที่ ริโอ”

”ผมรู้สึกเสียใจ และผิดหวัง ใน 3 เซตแรกเราเล่นกันได้เยี่ยม เราน่าจะเอาชนะเกมนี้ไปได้ แต่เมื่อเราเสียเซตที่ 4 เราก็ไม่อาจจะรักษาจังหวะของตัวเองได้ และมันก็กลายเป็นหนังคนละม้วนเช่นนี้ เราขาดความต่อเนื่อง และมันทำให้เราจะต้องคิดถึงในปี 2016 ต่อไป”

บราซิล ในนัดนี้พวกเขาไม่มี เลียนโดร วิสซอตโต้ เนเวส ตัวตบบอลเร็วเจ้าของความสูง 6 ฟุต 11 นิ้ว ซึ่งมีอาการบาดเจ็บที่ต้นขาขวาจากนัดที่เอาชนะ อาร์เจนติน่า จากในรอบรองชนะเลิศ

นี่เป็นการซิวเหรียญเงินเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันของ บราซิล หลังจากที่พวกเขาพ่ายให้กับ สหรัฐฯ เมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งมี ฮิวจ์ แม็คคัตชอน รับหน้าที่เป็นโค้ช

อย่างไรก็ตามกับหนนี้ที่ ลอนดอน ของทีมแชมป์เก่า ที่ได้ อลัน คนิป รับหน้าที่เป็นเฮดโค้ช พวกเขาต้องร่วงตกรอบตั้งแต่รอบ 8 ทีมด้วยการแพ้ให้กับ อิตาลี ซึ่ง อิตาลี ก็มาซิวเหรียญที่ 4 ในโอลิมปิกจาก 5 โอลิมปิกหลังสุดด้วยการเอาชนะ บัลแกเรีย ในแมตช์ชิงเหรียญทองแดง ซึ่งทีม อิตาลี เอาชนะไป 3-1 เซตด้วยสกอร์ 25-19, 23-25, 25-22, 25-21 โดยที่ คริสเตียน ซาวานี่ ทำแต้มสูงสุดไป 23 แต้ม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

Free Web Hosting